สิวสเตียรอยด์ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงขึ้นมา โดยตุ่มที่ขึ้นมามักจะมีขนาดที่เท่าๆกัน ไม่มีหัวสิว หรือไขมันอยู่ในตุ่มที่ขึ้น มีอาการแพ้ระคายเคือง เป็นผดผื่นคันง่าย ผิวหน้าบางลง บางครั้งสามารถมองเห็นเส้นเลือดที่หน้าได้อย่างชัดเจน
สาเหตุของการเกิดสิวสเตียรอยด์ เกิดจาการใช้ยาสเตียรอยด์ และ เครื่องสำอางที่มีสเตียรอยด์เป็นเวลานานค่ะ โดยสเตียรอยด์จะลดขนาด และ จำนวนของชั้นเซลล์ผิวหนัง ทำให้เส้นใยคอลลาเจน และ อีลาสตินฝ่อตัว จนผิวชั้นหนังกำพร้าไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นได้ และทำลายและยับยั้งการสังเคราะห์ไขมันในชั้นผิว (Skin Lipid Barrier) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการปกป้องผิวจากเชื้อโรค สารก่อการแพ้ สิ่งก่อกวนผิวจากมลภาวะต่างๆ
เมื่อผิวอ่อนแอ บอบบางลง จึงไม่สามารถทนต่อสภาวะแวดล้อมได้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น อากาศ ควัน มลพิษต่าง แม้กระทั่งครีมบำรุงต่างๆ จึงเกิดผื่นคัน จ้ำแดง สิว ผิวอักเสบ ได้ง่ายกกว่าปกติ บางรายอาจเกิดเป็นรอยแตกลายบริเวณผิว (Striate) หรือ มีการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิว หรือ เม็ดสีผิวถูกทำลายจนเกิดจุดด่างขาว ซึ่งจะเห็นได้ชัดในรายที่มีผิวคล้ำค่ะ
การรักษาสิวสเตียรอยด์ ค่อนข้างยากและใช้เวลานาน อาจไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาทารักษาสิวทั่วไป เนื่องจากผิวบอบบางมาก มีอาการระคายเคืองได้ง่ายค่ะ
เมื่อสงสัยว่าเป็นสิวสเตียรอยด์ หรือ มีอาการติดสารสเตียรอยด์ ควรหยุดใช้เครื่องสำอางต่างๆ นะคะ
วิธีการดูแลผิวเบื้องต้น
ขณะเกิดอาการผิวบวมแดง มีผื่นคัน สิวเห่อ หลังจากหยุดสเตียรอยด์ มีดังนี้ค่ะ
1.ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ใช้น้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้างหน้า หรือ อาจใช้เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน
2. งดขัดหน้า ถูหน้าแรงๆ หรือ นวดหน้า เนื่องจากเป็นการรบกวนผิวทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย
3.ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น บรรเทาอาการระคายเคือง เท่านั้น ควรทาต่อเนื่องไม่ต่อกว่า 3-6 เดือนตามสภาพผิว ควรงดใช้ครีมบำรุงปรับผิวขาวใสนะคะ
4.ทาครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนเป็นประจำก่อนออกแดด
5.หากมีอาการคันร่วมด้วย สามารถรับประทานยาแก้คันประเภท Antihistamine เพื่อบรรเทาอาการคันได้ค่ะ
|